“รอยเริ่มจางแล้วนะ แบบนี้คงต้องทำใหม่ซะแล้วสิ” เลือดพลันสูบฉีดเข้าที่ใบหน้านวล คนฟังทำอะไรไม่ได้นอกจากเบี่ยงหน้าหลบ เมื่อทำแบบนั้นคนรุกรานที่หาช่องทางอยู่ก็โน้มศีรษะเข้าสูดซุกไซ้สูดกลิ่น
กลิ่นกายหวานหอมติดจมูกปนกลับกลิ่นเหงื่อของร่างบาง
ส่งผลให้เลือดทุกหยดในกายของมิยูกิราวกับกำลังเดือดพล่านทุกอณูราว เธอขนลุกเกรียว
ปลายจมูกไล้สัมผัสฝังที่ผิวเนื้อบอบบาง ซุกไซ้ไม่หยุด
“ซายากะ..อา...เธอใช้น้ำหอมด้วยเหรอ...ฉันชอบจังกลิ่นนี้..”
แล้วเหมือนกกหูซายากะจะพลันตื้อชาขึ้นมาเสียเฉยๆ
ลมหายใจกะลิ้มกะเหลี่ยเป่ารดที่ซอกคอ
อาการร้อนรุ่มที่ยังไม่สร่างเบาตั้งแต่เที่ยงที่มิยูกิล่วงล้ำนั้น
เริ่มตีตื้นทำพิษ อุณภูมิเรือนกายค่อยๆปรับเพิ่มดีกรีอย่างเชื่องช้า
“ห..ห้ามทำรอย อย่า อ..ออกไป...ทำไมเธอบ้ากา..อ๊ะ”
ฟอดดด!!
คนเสียเปรียบที่เอ่ยห้ามเสียงพร่า หลุดเสียงอุทานไม่ได้ศัพท์ยามเมื่อพวงแก้มถูกคนที่เคลื่อนตัวขึ้นมาเสมอตัวด้วยความรวดเร็ว
ฝังจมูกรั้นๆสูดลมหายใจทีเผลอดังฟอดอยู่ข้างแก้ม
ฉ่า..
ซายากะรู้สึกเหมือนดวงหน้าร้อนไหม้
“..ก็ได้ ฉันได้ยินที่พวกผู้ชายในห้องพูดกันเรื่องนี้
เธอถูกมองไม่ดีเท่าไหร่..เปลี่ยนเป็นจูบแทนก็ได้..ว่าแต่ปากเธอหายเจ็บรึยังล่ะ?”
“ยัง”ซายากะรีบโกหก ดวงหน้าหวานพลันงอง้ำ
“ฉันอยากจูบเธอจะแย่
ให้ตายสิ...ก็ได้ถ้าเธอยังเจ็บอยู่ ความผิดฉันเอง..”
ต่อว่าตัวเองเสร็จสรรพพลางเคลื่อนลำตัวลงต่ำ
มือข้างที่ว่างเลื่อนเข้าปลุดกระดุมของซายากะ
“แล้วเธอจะทำอะไรน่ะ..”หัวใจดวงน้อยวูบไหวร่วงลงตาตุ่มอย่างไม่น่าเป็นไปได้สักนิด รูม่านตาสีเข้มขยายกว้าง
มือน้อยที่ถูกจับกุมเหนือหัวเริ่มจะพยายามขัดขืนออกจากมืออุ่นที่จับยึดแน่นราวกับเห็นเธอเป็นนักโทษ
ยิ่งซายากะเห็นตำตาว่า
มือขาวแหวกเครื่องแบบส่วนบนออก ซ้ำยังเลิกบราเซียที่เธอสวมใส่ขึ้นสูง
เธอยิ่งรู้สึกว่าหน้าชักจะชามากขึ้นเรื่อยๆ สายตากระหายอยากขณะที่มองมาที่ทรวงอกอิ่ม
ทำให้เจ้าตัวต้องบังคับตัวเองให้มองออกไปทางอื่นแทบไม่ทัน
ปลายถันสีชมพูปรากฏออกมาให้เห็น
ในเมื่อมิยูกิจูบที่ปากกระจับนุ่มก็ไม่ได้ ทำรอยที่ผิวอ่อนอันหอมกรุ่นกลิ่นนั่นก็ไม่ได้
มันก็ต้องมีสิ่งอื่นมาชดเชย
“มิยูกิ...”ซายากะหันมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตามาดร้าย ขู่ฟ่อ หากเป็นแมวคงพองขนน่าดูชม
ในเมื่อมือไม่อาจดิ้นหลุด
นี่คือสิ่งที่เธอพอจะทำได้...
มิยูกิยิ้มหวานละไมไม่ได้คิดจะถอยหลังกลับเพราะอาการขู่น่ารักน่าชังของซายากะ
เผยอเรียวปาก อ้างับปรายถันสีสวยที่น่าลิ้มลองว่าจะหวานปากขนาดไหน ละเลงสัมผัสนุ่มลิ้นไปมาในโพรงปาก
คนถูกรุกรานอย่างหนักหน่วงเกร็งตัวรับ สัมผัสร้อนรุ่มจากก้อนเนื้ออุ่นชื้นพลันส่งผลให้สมองขาวโพลน
“..อะ.อื้อ.”
เมื่อฟันคมขบเฉียดราวกับอีกฝ่ายจงใจกลั่นแกล้ง
ซายากะรู้สึกราวกระดูกถูกถอดไปจากร่างกาย ร่างกายที่นอกจากจะร้อนวูบวาบตามจังหวะที่ก้อนเนื้ออุ่นชื้นพึงกระทำต่อยอดอก
บัดนี้พลันอ่อนระทวยยวบยาบจนเข่าซายากะแทบทรุดร่วง
ท่าไม่ติดว่าท่อนแขนอุ่นของคนอุกอาจเกี่ยวเอวเอาไว้เหมือนจะรู้ล่วงหน้า
“ฮืม หวานจังเลย”
มิยูกิครางในคออย่างพึงพอใจถึงขีดสุด
ก่อนจะผละออกมาเพื่อจัดการลำดับถัดไปอย่างไม่รีรอ แรงปรารถนาโหมกระพืออย่างน่ากลัวทีเดียว
มือเรียวไล้ลงต่ำ
ปลดเกี่ยวตะขอกระโปรงจนมันร่วงกองไปบนพื้น
ก่อนจะตามมาด้วยอันเดอร์แวร์ชิ้นน้อยแทบจะทันที
เมื่อท่อนแขนผละออกจากเอวบาง
ร่างคนอ่อนปวกเปียกก็เลื่อนไถลลงนั่งกองไปกับพื้น
มิยูกิแย้มรอยยิ้มพึงใจก่อนจะเลื่อนตัวลงมาสมทบ
บัดนี้สองมือของซายากะเป็นอิสระ
ดังนั้นเธอจึงดันอกมิยูกิออกด้วยแรงทั้งหมดที่มีเหลือ แม้จะร่อยหรอจนน่าขัน
เป็นการพยศเล็กๆที่ทำให้คนหน้าหวานยิ่งยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด
“...เสียวมากเลยเหรอ..หื้มม..?”
ยั่วโมโหพี่สาวไปพลางๆ
มือไล้ต้นขาเนียนนุ่มไปมา ซายากะเม้มปากแน่น
เคลื่อนมือป่ายนาบหลังมาที่ไล้ต้นขาเธออย่างจาบจ้วง แต่ด้วยความที่ไร้เรี่ยวแรง
สิ่งที่ทำจึงยิ่งไปยั่วมิยูกิเสียมากกว่า
นัยน์ตาคมสวยสั่นระริก
ความเกลียดชังตัวเองโหมเข้าทำร้าย ด้วยร่างกายอันแสนทรยศนี้
นิ้วเรี่ยวยาวไล้ต้นขาลื่นมือไปมาพักใหญ่จนพอใจจึงเคลื่อนเข้าสัมผัสปากทางที่เอ่อล้นด้วยน้ำหวานของซายากะ
จนกายบอบบางสะดุ้งเฮือก
“อ๊ะ..”
ซายากะชักควบคุมร่างกายตนเองไม่ได้
ยามเมื่อนิ่วเรียวยาวนวดคลึงติ่งเนื้อนุ่ม
ก่อนนิ้วเรียวจะแทรกเข้ามากลีบกุหลาบจนสุดโคนนิ้ว
แรงปะทะทวีไปตามลำดับ
ร่างบางเงื้อหน้าสูง มือน้อยที่วางแถวเรียวแขนที่มีรอยข่วนประดับ
เลื้อยมาโอบรัดแผ่นหลังคนรุกรานด้วยสติอันเลือนลาง
“อืออ..อือ..”
เป็นอีกครั้งที่ซายากะจำต้องกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นเสียงครางหวาน
ได้แต่ครวญครางระงมในลำคอ มิยูกิเริ่มรู้สึกหงุดหงิด เรียวนิ้วที่ซอยเข้าไปภายในตัวของอีกฝ่ายค่อยๆชะลอความเร็วลง
จนคนถูกกลั่นแกล้งหันมองช้อนสายตาด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำด้วยความทรมาน
“ฉันอยากจะฟัง นี่เธอแกล้งกันใช่มั้ย..”
“กะ..แกล้ง..อ.อะไร”น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นตอบโต้กลับ
“ทำไมเธอถึง!...ฮึ..เผอิญคุณน้าบอกว่าเธอทำเค้กเป็น..ฉันอยากกิน
เย็นพรุ่งนี้เธอต้องทำให้ฉันชิมนะ”มิยูกินึกเรื่องที่คุณน้าพูดกับพ่อเมื่อวานที่โต๊ะทานอาหารมื้อเช้าขึ้นมาได้
เธออยากชิมฝีมืออีกฝ่ายจริงๆ
“อย่.า..สั่ง..ฉันนะ”
“ทรมานมั้ย
ไม่อยากให้ฉันช่วยเหรอ ฉันเต็มใจนะ ถ้าเธอตอบตกลง..เพราะฉันอยากกินจริงๆ”
ดวงตาสีนิลเอ่อคลอ
ภาพพร่ามัวไปหมดด้วยม่านน้ำตาบดบัง
เธอไม่เคยต้องการให้คนที่เกลียดแสนเกลียดมาชิมฝีมือเธอ
เธอต้องการให้คนพิเศษต่างหากที่ให้ได้สิทธิพิเศษเหล่านั้น
..ทำไมเธอถึงเลวขนาดนี้
มิยูกิ..
“บอกแล้วไงว่า ห้ามร้องไห้”มิยูกิเอ่ยเสียงเข้ม รู้สึกจุกเหมือนโดนหมัดหนักๆต่อยเข้าลิ้นปี่
“..มัน..ฮึก.ก.เรื่อง..ของฉัน”น้ำตาไหลอาบแก้มกระจ่าง
...ดื้อ!! ทำไมถึงดื้อขนาดนี้ซายากะ..
มิยูกิคิดอย่างเดือดดาล
ก่อนจะขยับข้อมือเร็วขึ้น ซอยนิ้วถี่ยิบจนซายากะผวาข่วนแผ่นหลังที่โอบไว้หลวมๆอย่างลืมตัวด้วยความเสียวซ่านที่กำลังจะถึงจุดพีคในไม่ช้า
“อ๊ะๆ..ระ.แรง..แรงอีก.”จวนเจียนจะแตะสวรรค์รอมร่อ
กลีบปากที่สู้กัดเอาไว้เสียนานจนขึ้นห้อเลือดเผยอเปล่งเสียงยั่วเย้ามิยูกิอย่างหนัก
ดวงหน้าที่เงื้อขึ้นสูงบิดเบี้ยว
เหงื่อกรำชื้น ร่างบางสั่นสะท้าน มิยูกิเผลอส่งเสียงซี๊ดปากแผ่วๆยามเมื่อรู้สึกถึงร่างกายของซายากะตอดรัดนิ้วตนเป็นจังหวะถี่กระชั้น
“ถือว่านั่นเป็นการตกลงนะ”มิยูกิเหยียดยิ้มละมุน ถอนนิ้วเรียวออกมา
คนฟังตัวชาแม้
ผลักบ่าอีกฝ่ายออกอย่างแรงจนมิยูกิเบิกตากว้างและเกือบจะเสียหลักล้มก้นจ้ำเบ้า ซายากะเอื้อมมือหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นมาสวมใส่อย่างรีบเร่ง
“มันเปรอะแน่ะ
นี่..ซายากะเธอจะรีบไปไหนนักฮะ!”นัยน์ตาหวานเหลือบไปเห็นต้นขาเรียวที่มีคราบน้ำรักสีขุ่น
หลังหยัดตัวยืนตรง เรียวแขนอ้อนแอ้นก็เคลื่อนเข้าโอบเอวน้อยเข้ามาแนบชิด
เอามือไล้น้ำหวานที่เปรอะต้นขาด้านในของซายากะขึ้นมากลืนกิน
“....”
“จะตายใช่มั้ยถ้าอยู่ใกล้ฉันนานๆ”
มืยูกิหายใจฮึดฮัด
หลังมือสะอาดดีแล้วก็เคลื่อนลง สวมกระโปรงของร่างในวงแขนที่ยอมอยู่นิ่งๆ